ความเป็น “มืออาชีพ“ ในเส้นทางของการเป็นนักภาวนา

กระทู้สนทนา
สวัสดีเพื่อนๆ ในคลับทุกท่านนะครับ
พอดีผมคิดๆ อะไรขึ้นมา แล้วก็เลยอยากชวนสนทนาน่ะครับ

คือผมอยากจะเสนอความคิดเห็น ในสองประเด็นนะครับ

ประเด็นแรก คือ เรื่องของทัศนคติ
สำหรับผม ผมมีความรู้สึกว่า การภาวนาเป็นเรื่องสำคัญ
ระดับ “คอขาดบาดตาย“

ในชีวิตของคนเรา ปกติแล้ว มีเรื่องที่เราจัดลำดับว่ามีความสำคัญมาก
อยู่มากมายหลายเรื่อง เช่น  การหางานในบริษัทดีๆ  ปริมาณของรายได้
การแต่งงาน การเรียนต่อ จำนวนเงินออม การศึกษาของบุตรหลาน การเจ็บไข้ได้ป่วยของคนในครอบครัว การหาแฟน การผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นต้น

แต่น้อยคนที่ผมรู้จัก ที่จะรู้สึกว่า การภาวนาเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
ที่ต้องเร่งกระทำ และมีความสำคัญในลำดับต้นๆ

ทั้งๆ ที่ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก
การได้มาพบพุทธศาสนา และมาสนใจในการประพฤติปฏิบัติ นั้นยิ่งยาก

บนโลกนี้ มีคนเจ็ดพันกว่าล้านคน
มีนักภาวนาสักกี่คน

ผมคิดว่าสมาชิกในคลับเราคงต้องสะสมบุญบารมีมามากมาย
อย่างน้อยก็มากกว่าคนอีกเจ็ดพันล้านคน และสรรพสัตว์อีกนับไม่ถ้วน
ดังนั้น เราควรใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่
เพราะเราไม่รู้เลยว่า เราจะตายวันไหน
และตายแล้วเราจะไปเกิดที่ไหน
ต่อให้ชาตินี้เราทำบุญมากมายแค่ไหน
ถ้ายังไม่ถึงอริยภูมิ เราก็ยังมั่นใจอะไรไม่ได้เลย

ดังนั้น เรามาสู้กันให้เต็มที่กันเถอะครับ
สู้ให้ถึงขั้นที่ว่า
ต่อให้เป็นดงดาบภูเขากระบี่ก็จะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

ประเด็นที่สอง คือ เรื่องความเป็นมืออาชีพ
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นมืออาชีพ

คือ เวลาผมมองผู้คนในสายงานต่างๆ
ผมรู้สึกว่า คนเรานี่ช่างเก่งเหลือเกิน
คนที่เป็นมืออาชีพในสาขาวิชาชีพต่างๆ กว่าจะมาถึงจุดนั้น
ช่างพยายามกันมากเหลือเกิน

แพทย์มืออาชีพ คือ คนที่ฝึกฝนความสามารถมาอย่างมากมายเพื่ออุทิศตนเพื่อช่วยชีวิตคนไข้อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย

พ่อครัวมืออาชีพ คือ คนที่จะส่งมอบอาหารทุกจานเพื่อให้ลูกค้าได้อิ่มเอมกับรสชาติอันสุนทรีย์

ดารา นักแสดงมืออาชีพ คือ คนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผู้ชมมีความสุข ดังคำพูดที่ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น The show must go on

บางคนเป็นเด็กอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปด
แต่เป็นดาราระดับโลก นักร้องระดับโลก นักกีฬาระดับโลก
หรือแม้แต่เป็นเจ้าของธุรกิจระดับประเทศ
แน่นอนว่ากว่าจะถึงจุดนั้น ไม่ง่ายเลย

จะต้องฝึกฝนเรียนรู้มากมายแค่ไหน
จะต้องผ่านความเครียด ความกดดัน มาขนาดไหน
ต้องอดทน เจ็บปวด ทุกข์ยาก พยายาม มากี่วันกี่คืน
ผมชื่นชมในผู้คนเหล่านั้น

แล้วนำมาเปรีบบเทียบกับตัวเรา
ผมถามตัวเอง
สามสิบกว่าปีที่เกิดมาเราทำอะไรมาบ้าง
ในฐานะนักภาวนา เราได้ทำอะไรไปบ้าง
เราพยายามเต็มที่แล้วหรือยัง
เด็กเค้ายังทำสิ่งต่างๆ ได้มากมายขนาดนั้น
บอกตรงๆ ผมยอมรับเลยว่า ผมอายเด็ก
ในฐานะที่ผมเลือกที่จะเป็นนักภาวนา
แต่ความพยายามในการภาวนา
ความอดทน การเรียนรู้ การพัฒนา สู้เด็กที่พยายามทำงานทางโลกไม่ได้เลย

บางท่านอาจจะบอกว่า มันคนละเรื่องกัน
การทำงานทางโลก กับ การปฏิบัติธรรม มันเดินคนละทางกัน
ใช่มันแตกต่างกัน แต่หลักใหญ่ในด้านความพยายาม ผมว่ามันคล้ายกัน

เหมือนกับปลาที่ว่ายน้ำไปทางซ้ายกับทางขวา
อาจจะไปคนละทาง แต่หลักใหญ่ ก็คือ “การว่ายน้ำ“ นั้นไม่ต่างกัน

บางท่านอาจจะว่า การทวนกระแสกิเลส มันยากกว่า
ผมมองว่า “การทวนกระแสกิเลสนั้นไม่ยาก“
มันยากตรงที่ว่า “เราคิดที่จะทวนกระแสจริงๆหรือเปล่าเท่านั้นเอง“
ถ้าเรา“อยาก“ ที่จะทวนกระแสกิเลสจริงๆ
ที่เรียกว่า “ว่ายทวน“ สำหรับคนอื่น
ก็จะเป็นแค่การ “ว่ายตาม“ ธรรมดาๆ สำหรับเรา

ผมชอบที่พี่ chaosy บอกว่าในการปฏิบัติอย่าทำตัวคุณหนู
อันนี้ผมเองก็เห็นด้วยและพยายามบอกตัวเองเสมอๆ

ช่วงนี้ผมก็มักจะบอกตัวเองว่าให้    “Strong  Strong  Strong“

กลับมาที่ความเป็นมืออาชีพ
อยากถามเพื่อนสมาชิกว่า
แล้วการเป็นนักภาวนามืออาชีพ
ควรเป็นอย่างไร ควรทำอะไรบ้าง ไม่ควรทำอะไรบ้าง
มีหลักการคิด การปฏิบัติ การฝึกฝน อย่างไรบ้าง

ผมคิดว่าสิ่งนี้สำคัญ
เพราะถึงจะเป็นเรื่องของจิตตภาวนา
แต่ว่าความชัดเจน ความเป็นขั้นเป็นตอน รายละเอียดต่างๆ
ในการถ่ายทอดบอกสอนเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะมันจะง่ายต่อการถ่ายทอดสู่คนรุ่นต่อๆไป
และง่ายในการรักษาองค์ความรู้ของการประพฤติปฏิบัติสืบต่อไป

ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ 
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่